หน้าฝนเป็นอีกหนึ่งช่วงฤดูที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่เพียงแต่โรคหวัดหรือน้ำกัดเท้าที่มักจะพบเจอกันบ่อยครั้ง เป็นอีกหนึ่งโรคที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษทุกเพศทุกวัยนั่นก็คือ “โรคไข้เลือดออก” แค่ฟังชื่อก็น่ากลัวแล้ว เป็นโรคที่พบได้ทุกฤดูแต่ในช่วงหน้าฝนนั้นจะเกิดการระบาดเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่าตัว ไข้เลือดออกนั้นเป็นโรคที่ทรมานและอันตรายกับชีวิต แล้ว ไข้เลือดออกเกิดจากอะไร จะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร บทความนี้จะช่วยให้คุณเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
ไข้เลือดออกเกิดจากอะไร?
โรคไข้เลือดออกเกิดจากยุงลายตัวเมียที่คอยดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหาร แล้วแพร่กระจายไวรัสที่ชือว่าไวรัสเดงกี่เข้าไปอยู่ในเซลล์ผิวหนัง แต่ทำไมบางคนโดนกัดแต่ไม่เป็นอะไรเลย
ต้องขออธิบายว่าเชื้อไวรัสนั้น มันจะเข้าสู่กระเพาะของยุงและยิ่งไวรัสสะสมกระจุกในตัวยุงก็จะเดินมาทางท่อน้ำลายยุง ที่ทำให้เกิดเชื้อไวรัสเดงกี่เข้าสู่คนี่ถูกกัดรายต่อไป แต่อาการก็จะไม่ออกเห็นชัดในทันที
อาการของโรคไข้เลือดออก
ในแรกเริ่มนั้นผู้คนอาจสับสนระหว่างไข้เลือดออกกับไข้หวัดธรรมดา จนทำให้รู้ตัวช้าไป เมื่ออยู่ในมือหมอแล้วอาจจะเกินเยียวยา ดังนั้นโปรดสังเกตอาการดังต่อไปนี้
- ไข้ขึ้นสูง อาจจะเกิดไข้ขึ้นสูงได้อย่างเฉียบพลัน โดยไข้จะสูงเกิน 38.5 องศเซลเซียสและไข้ขึ้นสูงติดต่อกัน 2-7 วัน และอาจเกินอาการชักได้
- อาการเลือดออก สังเกตได้ง่ายสุด อาการเลือดออกมักพบเจอบนบริเวณผิวหนัง โดยเป็นลักษณะจุดสีแดงเล็ก ๆ กระจายทั่วตามรักแร้ ลำตัว แขนและขา
- อาเจียรเป็นเลือดหรืออาเจียรเป็นก้อนเลือด เพราะมีเลือดออกเกิดขึ้นในกระเพาะอาหาร
- อุจจาระมีสีเทาเหมือนถ่านหรือสีดำ เป็นสัญญาณว่ามีเลือดออกจากภายใน
- มีอาการตับโต เมื่อกดจะรู้สึกเจ็บ อาการนี้มักเกิดขึ้นภายใน 3-4 วัน ตั้งแต่ได้รับเชื้อมา
- ปวดเมื่อยตามตัว ปวดบริเวณดวงตา ปวมกล้ามเนื้อ
ที่ต้องระวังเมื่อเป็นโรคไข้เลือดออก
หากอาการเริ่มออก อย่าตื่นตกใจ ควรเตรียมพร้อมไปหาหมอโดยด่วนที่สุด หรือขณะรอหมอ ควรดูแลอาการของตนเองดังนี้
- ผู้ที่อาเจียรไปมาก ควรดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อชดเชยน้ำและวิตามินที่สูญเสียไป หากไม่สามาถดื่มได้ในทีเดียยว อย่างน้อยควรจิบครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง
- งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีีแดงหรือสีดำ เพราะจะวินิจฉัยโรคลาดเคลื่อนได้
- หากปวดเมื่อกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อตัว ไข้ขึ้นสูง ให้รับประทานพาราเซตามอนเท่านั้น เพราะยาตัวอื่น ๆ เช่น แอสไพรินหรือไอบรูโพรเฟนจะเร่งให้เลือดยิ่งไหลออกมาผิดปกติ
- ผักผ่อนที่อาการถ่ายเท หากบ้านมีอากาศชื้นหรือแสงเข้าไม่ถึงแนะนำให้กางมุ้งนอน เลี่ยงยุงมากัดซ้ำ
- ไข้ขึ้นสูงต้องการเช็ดตัว ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องเช็ดตัวเท่านั้น หากใช้น้ำเย็นจะเกิดอาการช็อคเฉียบพลันได้
นอกจากนี้อาจเกิดอาการกระสับกระส่าย ชีพจรหัวใจเต้นเบาลง มือเท้าเย็น บางรายอาจร้ายแรงถึงขั้นระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว
เมื่อได้ฟังอาการเหล่านี้ก็ขนลุกน่ากลัวไม่ใช่น้อย ทางที่จะไม่ให้เกิดเลยคือต้องป้องกันตัวเองให้มาก ๆ แต่จะเริ่มอย่างไรดี เรามีวิธีแนะนำให้คุณดังนี้
วิธีป้องกันโรคไข้เลือดออก
- ติดมุ้งลวดหรืออย่างน้อยนอนกางมุ้งเพื่อป้องกันยุงลายกัดตามค่ำคืน
- ทำการฉีดยากันยุง ขั้นตอนนี้สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขในเขตพื้นที่รับผิดชอบ
- ไม่ทำงาน นอน หรือพักผ่อนบริเวณที่อับแสง อันเป็นสภาะวะที่ยุงมักบินออกมาหากิน
- กำจัดลูกน้ำ โดยทำการคว่ำภาชนะที่อาจขังน้ำไว้ เป็นวิธีขั้นต้นที่ง่ายที่สุดและลดประชากรการเกิดใหม่ของยุงลาย
- ทายากันยุงหรือจุดยาไล่ยุง
- หากผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้เลือดออก ระวังอย่างมากไม่ให้ผู้ป่วยโดนกัดซ้ำภายใน 5 วันนี้ เพราะว่ายุงตัวที่กัดจะแพร่กระจายเชื้อให้กับคนในบ้านและเกิดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้ เพราะเป็นช่วงที่เชื้อไรัสยังอยู่ในกระแสเลือดนั่นเอง
ที่มา
http://odpc5.ddc.moph.go.th/groups/vbdc52/index.php/2018-02-01-14-06-16