โรคเบาหวาน เสียชีวิตทุก 6 วินาที | รู้แบบนี้ เลิกเบาหวาน ได้อีกนาน !
โรคเบาหวาน (Diabetes) เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายมีภาวะน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงผิดปกติ ซึ่งไม่สามารถลดลงในระดับปกติได้ตามกลไกของร่างกาย เมื่อไม่มีการควบคุมระดับน้ำตาลอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆได้
เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ เซลล์ประสาทถูกทำลาย ฯลฯ กรณีที่มีการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย แต่ยังคงมีระดับน้ำตาลที่สูงอย่างต่อเนื่อง แสดงว่าต้องเริ่มใช้ยาหรือใช้อินซูลินรักษาร่วม เพื่อที่จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
สถิติจากสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติได้เปิดเผยข้อมูลว่า ในปี พ.ศ.2558 พบว่าทั่วโลกมีคนเป็นโรคเบาหวานถึง 415 ล้านคน ทุกๆ 6 วินาทีจะมีคนเสียชีวิตจากโรคเบาหวานอย่างน้อย 1 ราย คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 642 ล้านคน ภายในปี พ.ศ.2588 คนรุ่นใหม่มีโอกาสเป็นเบาหวานสูงขึ้นจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป
สำหรับสถิติการสำรวจของประเทศไทยปีเมื่อ พ.ศ. 2557 พบว่าประชากรไทยอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ลืมความเชื่อผิดๆว่าโรคนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะผู้สูงวัย วัยไหนก็มีโอกาสเป็นได้ทั้งนั้น)
เป็นโรคเบาหวานร้อยละ 8.8 ประชากรไทยจำนวน 100 คน จะมีอัตราการเป็นโรคเบาหวาน 8-9 คน) ที่น่าเป็นห่วงคือมีคนไทยมากถึง 2 ล้านคนที่เป็นเบาหวานแต่ไม่รู้ตัว
จึงไม่ได้เข้ารับการรักษา ยังมีจำนวนคนกว่า 7.7 ล้านคน อยู่ในภาวะกลุ่มเสี่ยงของโรคเบาหวาน ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้มีอัตราเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด คือ การเลือกรับประทานอาหาร และน้ำหนักเกิน
โดยผู้หญิงจะมีอัตราการเป็นโรคเบาหวานมากกว่าผู้ชายคือร้อยละ 9.8 (ผู้หญิงจำนวน 100 คน จะมีอัตราการเป็นโรคเบาหวาน 9-10 คน) เนื่องจากปัจจัยทางด้านสรีระร่างกาย
พฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือบางกรณีอาจจะเป็นต่อเนื่องหลังจากคลอด บางรายมีโอกาสกลับมาเป็นอีกใน 5-10 ปี
ซึ่งช่วง 24 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ นับเป็นระยะที่เสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานสูง เพราะเป็นช่วงที่มีการพัฒนาของรกเต็มที่ มีการผลิตฮอร์โมนสูง จึงอาจพบเป็นภาวะดื้ออินซูลินได้ ในขณะที่ผู้ชายเป็นโรคเบาหวานร้อยละ 7.8 (ผู้ชายจำนวน 100 คน จะมีอัตราการเป็นโรคเบาหวาน 7-8 คน) ซึ่งกลุ่มที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานมากที่สุดคือกลุ่มผู้สูงอายุ 60-69 ปี
หากคุณสงสัยว่าคุณมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานหรือไม่ คุณอาจสนใจบทความนี้ : โรคเบาหวานคืออะไร
โรคเบาหวานอาจแบ่งได้เป็น 2 ชนิดใหญ่
โรคเบาหวานชนิดที่ 1
ส่วนใหญ่มักเกิดในเด็กหรือวัยรุ่น ผู้ป่วยมักจะตัวผอมและน้ำหนักตัวปกติ อาจเป็นไปได้ว่าสาเหตุเกิดจากพันธุกรรมและยังไม่ทราบปัจจัยแน่ชัดที่ทำให้ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ หรือสร้างได้แต่ไม่เพียงพอ จึงต้องทำการรักษาโดยการฉีดอินซูลินเข้าร่างกายเป็นหลัก
โรคเบาหวานชนิดที่ 2
มีประมาณร้อยละ 95 ของผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เกิดจากการที่ร่างกายผลิตอินซูลินได้ แต่อินซูลินไม่สามารถทำงานได้อย่างประสิทธิภาพ เนื่องจากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน ส่วนใหญ่มักพบในผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ มักมีรูปร่างอ้วน น้ำหนักเกิน เราสามารถควบคุมโรคไม่ให้ทวีความรุนแรงขึ้นได้โดยไม่ตามใจปาก ไม่กินของหวาน รู้จักควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ทานยา หรือ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมร่วม โดยไม่ต้องฉีดอินซูลิน
สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ถั่งเช่า
หนึ่งในสารถั่งเช่าที่มีประโยชน์ต่อผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน คือ สารสกัดโพลีแซคคาไรด์ มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นตับอ่อนในร่างกายหลั่งอินซูลิน ควบคุม และลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้มีการทดลองให้ผู้ป่วยเบาหวานทานถั่งเช่า พบว่าร้อยละ 95 ของผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพบว่าถั่งเช่ารักษาความดันได้เช่นกัน จึงเป็นสมุนไพรที่ผู้ป่วยโรคเหล่านี้ควรรับประทาน
เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือมีสารออกฤทธิ์สำคัญที่อยู่ในกลุ่ม โพลีแซคคาไรด์ สารที่ว่านี้สามารถกระตุ้นการสร้างอินซูลินได้เป็นอย่างดี เมื่อร่างกายสามารถสร้างอินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว อาการของโรคเบาหวานจะค่อยๆดีขึ้น มีการทดลองให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ทานผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากเห็ดหลินจือ พบว่านอกจากสารสกัดของเห็ดหลินจือจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ยังช่วยลดอาการความอยากของหวานๆ ที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก ดังนั้นการทานเห็ดหลินจือจึงเป็นการแก้ไขได้ถึงต้นเหตุเลยทีเดียว
เบต้ากลูแคนจากโอ๊ต
เบต้ากลูแคนจากโอ๊ต เป็นใยอาหารชนิดหนึ่งที่ละลายน้ำได้ดี หลายคนอาจไม่คุ้นหู แต่ผลงานวิจัยทางด้านการแพทย์ที่ทั้งรับรองและสนับสนุนประสิทธิภาพของเบต้ากลูแคนต่อร่างกายของมนุษย์มีอยู่มากมาย การันตีว่าดีจริง !
บทบาทของมันช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยและปรับสมดุลในร่างกายให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะชะลอการดูดซึมของกลูโคส ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มสูงขึ้นจนเกินไป เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เพราะสามารถช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้
โสมเกาหลี
มีการทดลองให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากโสมเกาหลีแก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าหลังจากผู้ป่วยได้รับโสมเกาหลี มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ การกินโสมทุกวันช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้นได้
แต่สำหรับใครที่กินยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่อาจต้องติดตามระดับน้ำตาลอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลต่ำจนเกินไป เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า ใจหวิว หิวข้าว ใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้นหรือมีอาการหลายอย่างรวมกัน ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
จากสถิติต่างๆ จะเห็นได้ชัดว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะประเทศไทยหรือต่างประเทศ โรคเบาหวานนั้นไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือตัวผู้ป่วยเองต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่างเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอ หรือควรเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อ คอร์ดิชิ (Cordyzhi) ที่อัดแน่นไปด้วยคุณค่าจากพลังสมุนไพรทั้ง 2 ชนิด
ถั่งเช่าผสมเห็ดหลินจือแดง ที่ผ่านการควบคุมวัตถุดิบและขั้นตอนการผลิต รวมทั้งปริมาณสารออกฤทธิ์จากสถาบันที่น่าเชื่อถือทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงมั่นใจได้ว่าคุณภาพ ปลอดภัย ไม่มีสารอันตราย 100%
ที่มา
https://www.omgthailand.net/cordyceps-and-diabetes/#cite_note-1
https://medium.com/varoya/ลดน้ำตาล-เห็ดหลินจือ-รักษาโรคเบาหวานที่ต้นเหตุ-cfd3f7f62c63